วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปลาไหลเผือก สมุนไพรไทยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย โทร 0819541900 , 089-937-1691

อนุรักษ์ สมุนไพรไทย   เอี่ยนด่อน (ปลาไหลเผือก) ตรึงบาดาล 
ขมสามดอย ตงกัทอาลี

 ชาวไทยมลายูในสามจังหวัดภาคใต้จะรู้จัก ตองกัท อาลี (Tongkat Ali) เป็นอย่างดี
 ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่คนมาเลเซียเรียกกัน ตงกัทแปลว่าไม้เท้า อาลีคือ นักรบที่เก่งกล้า
 มีพละกำลังแข็งแกร่ง ในประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม ท่านอาลีรบเคียงข้างมากับท่านศาสดานบีมูฮำหมัด (ซ.ล) ดังนั้นชื่อ ตองกัทอาลี” จึงมีความหมายถึงความทรงพลังและความมีอายุยืน
และในภาษาไทยก็คือรากปลาไหลเผือกนั้นเอง
จากการเรียกชื่อเช่นนั้นทำให้เชื่อกันว่า 
ตองกัท อาลี (Tongkat Ali)เป็นสมุนไพรที่มีการ
ใช้มานาน
นับพันปีแล้ว ผู้คนในสามจังหวัดแม้แต่ซาไก ที่ส่วน
ใหญ่จะมีเมียมากกว่า ๑ คน (วิถีเผ่า) ในเวลาดียวกัน 
 ส่วนใหญ่นั้นวิธีการนำไปปรุงใช้ประโยชน์นั้นนิยมทั้ง
นำ รากของตงกัทอาลีมาต้มน้ำกินวันละ ๓-๔ ครั้ง 
ในเวลาก่อนนอน ถือเป็นยาโด๊บในทำนองไวอาก้า
ที่บรรดาโคเฒ่ากินหญ้าอ่อนชอบกินจนสิ้นชีวาวาย
มาหลายสิบ เพราะร่างกายรับไม่ไหวจากการกระตุ้นเกิน
ลิมิต หรือทะลึ่งดันทุนต่ำหันไปกินของปลอม
จนตาบอด ตาพร่า กล้ามแกร่งจนเป็นอัมพาทเพราะ
สารสังเคราะห์เทียมตกค้าง หมดฤทธิ์ยา ก็กลับมาอับเฉา
เหมือนเดิม และแย่ลงกว่าเดิม
 










ผู้เขียนจึงเห็นว่า ตองกัทอาลีจึงน่าจะเป็น
ทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดการเสียชีวิตหรือ
พิการจากกิจกรรมจำเป็นของบรรดาลูกผู้ชาย
อายุมาก หรือมีภาวะเคลียดจนเซ็กส์หดแต่ยัง
ต้องมีภาระการทำการบ้านอย่างแข็งขัน
ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ไม่มีใครปฏิเสธว่า เป็นปัจจัย
หนึ่งของการครองชีวิตคู่

ตองกัทอาลีนั้นตั้งแต่โบราณมาไม่มีใครบอกว่าถึงผลข้างเคียง หากรู้จักดื่มกินในปริมาณพอเหมาะและถูกกาละเทสะ
   แต่ด้วยเพราะมีรสขมจัด จึงทำให้ทานยาก จึงมีการนำไปต้มกินชงกินต่างใบชาดองเหล้าโรง  ทำแคปซูล หรือต้มน้ำผสมกาแฟเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย สิงค์โปร หรืออินโดนีเซีย ซึ่งนอกจากจะใช้ประโยชน์ในการเป็นยาโด๊บแล้ว ตงกัท อาลียังใช้ต้มกินเพื่อป้องกันและรักษาไข้ป่า แก้ปวดเมื่อย แก้ปวด

            
               



ผู้เขียนรู้จัก ตงกัท อาลีเมื่อครั้งได้เข้าไปสัมผัสซาไกเมื่อ ๗-๘ ปีที่แล้ว และได้เคยนำออกกลับมากิน แต่ด้วยความที่รสชาติขมติดลิ้น ชนิด ตะบองเพชรเรียกพ่อ จึงเอาไปฝากพวกคอยางดองทุกทีไป แม้จะได้รับเป็นของฝากจากอดีตพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ทั้งหมูที่ ๗ บ้านปิยมิตร ๓ และหมู่ที่ ๑๐ บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๑๐ ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา


   มาล่าสุดได้เคล็ดลับจากคนท้องถิ่นผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีใหม่ ทำง่าย ดื่มง่าย ยิ่งกว่าวิธีอื่นๆที่เคยได้ยินมา
 โดยไม่ต้องไปซื้อผลิตภัณฑ์ของต่างประเทศให้เปลืองเงิน โดยใช้งบประมาณ เพียง ๑๐๐ บาท ดื่มได้เป็นเดือนๆ

วิธีใหม่นั้นคือ ตงกัท อาลีแช่น้ำสไปรท์ นั้นเอง
  โดยการนำ ตงกัท อาลีจำนวนครึ่งห่อ ห่อละ 100 บาท  มาล้างพอหมาด แล้วนำไปหั่นให้เล็กพอที่จะสามารถ บรรจุในขวดของเครื่องดื่มสไปรท์เปิดใหม่ ขนาดลิตร แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย รออีกประมาณ ๑๒-๑๕ วัน
 ก็เป็นอันว่า น้องๆไวอาก้าเชียวละ แต่ต้องคอยปล่อยแก๊สโดยการคลายฝาสไปรท์ แล้วปิดใหม่ทุกวัน โดยสังเกตได้ว่า ในช่วงแรก ตงกัท อาลีจะลอยบนผิว เพราะมีน้ำหนักเบาจนกระทั้งจมไปในที่สุดและน้ำจะใสปิ๊งไม่มีตะกอนตลอดการดื่ม โดยสามารถเติมน้ำสไปรท์ได้อีกสอง-สามครั้ง




 สนใจปลาไหลเผือก   ลองสอบถามปรึกษาที่ 08993716ื91   ของเริ่มมีน้อย หายากขึ้น ช่วยหาเมล็ดแก่ช่วงเดือน สิงหาคม มาเพาะกล้าขยายพันธุ์ ก่อนจะสูญพันธุ์ 

  

ทางร้านสหกรณ์ครูสว่างแดนดิน มีสมุนไพร 
      
 กระชายดำ โด่ไม่รู้ล้ม  ขมิ้นชัน   เมล็ดหมามุ่ย  กำลังช้างสาร  ดอกคำฝอย กวาวเครือแดง กวาวเครือดำ  มะรุม   และสมุนไพรอื่นๆ ที่ต้องการ โทรสอบถาม ปรึกษาได้ ที่ชมรมสมุนไพรโรงเรียนบ้านโคกสะอาดซึ่งได้การรับรองในการผลิต   อย.เลขที่ 47-2-01054-2-001 ไข่เข็มสมุนไพร ต้านภัยไข้หวัด 2009 

    โทรสอบถาม  089 937 1691,  08 1954 1900 

                         


    
รากฝานตากแห้ง ก่อนบดเป็นผง แล้วอบไล่ความชื้น 





รากปลาไหลเผือก ที่มีคุณค่าทางยาสูงศักดิ์ดั่งไม้พยูงที่รองรับอยู่ด้านล่าง








ปลาไหลเผือก...สมุนไพรเพิ่มพลังของพรานไพร และนายฮ้อย

พ่อสมจิต ตีเหล็ก ลูกชายหมอยา ปู่อ่ำ ตีเหล็ก จากจังหวัดนครราชสีมา
 ปัจจุบันพ่อสมจิตมีอายุ ๗๔ ปี
พ่อเล่าว่าสมัยก่อนนายฮ้อย หรือผู้ต้อนฝูงควายตระเวนขายตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศไทย ต้องร่อนเร่ข้ามเขา ข้ามห้วย บางครั้งต้องเดินทางผ่านป่าผ่านดงเป็นเดือนๆ สมุนไพรบำรุงกำลังที่คู่มากับการเดินทางไกลและยาวนานก็คือ ปลาไหลเผือก พวกนายฮ้อยจะใช้รากปลาไหลเผือกต้มน้ำดื่มช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง อดทน คลายอาการปวดเมื่อย ป้องกันและรักษาอาการไข้ขึ้นระหว่างเดินทาง ทำให้แผลหายเร็วขึ้นด้วยและยังใช้รากปลาไหลเผือกผสมกับสมุนไพรโลดทะนงแดง ทารกวัวรกควายเพื่อเบื่อหมา
ในที่มักชอบมาขโมยลูกวัวลูกควายคลอดใหม่ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการดื่มน้ำต้มรากปลาไหลเผือกนอกจากเพื่อบำรุงกำลังให้ข้ามเขาข้ามห้วยได้แล้ว ยังกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี บรรเทาอาการผื่นคัน บาดแผลบริเวณผิวหนัง
ส่วนพ่อบุญมี ได้ฤกษ์ พรานไพรแห่งป่าเขาใหญ่ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)เคยเล่าให้ฟังว่า ในการเดินป่านั้นจะขาดปลาไหลเผือกไม่ได้
เพราะปลาไหลเผือกต้มกินทำให้มีกำลังเดินป่าเดินเขา ใช้รักษาไข้ป่า เวลาที่ปวดท้องอย่างแรง (กระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน)
ถ้าใช้ต้มกินหรือเคี้ยวกินทันทีอาการจะหายเป็นปลิดทิ้ง
 หรือถ้ามีอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะก็ใช้ได้ผล และ
พ่อบุญมียังเล่าว่ารากปลาไหลเผือกใช้ในการรักษาตัดไข้
 แก้พิษทุกชนิด เช่น พิษแมลงสัตว์กัดต่อย พิษฝี ทั้งฝีภายใน ฝีภายนอกและพุพอง พรานสมัยก่อนจึงมัก จะมีรากปลาไหลเผือกตากแห้งติดตัวติดบ้านไว้เสมอ เป็นที่น่าแปลกใจว่า การศึกษาวิจัยสมัยใหม่พบว่าปลาไหลเผือกมีสรรพคุณ ในการเพิ่มความแข็งแรง ของนักกีฬาได้อย่างชัดเจนด้วย XML:NAMESPACE PREFIX = O />XML:NAMESPACE PREFIX = O />
ปลาไหลเผือกขมสามดอย ยาดีของไทยใหญ่
มีครั้งหนึ่งเมื่อต้องเดินป่าไปเก็บยาสมุนไพรกับหมอยาไทยใหญ่
 ที่ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
 พ่อหมอยาได้พาเดินไต่เขาไปสองสันเขา เพื่อไปดูยาสมุนไพรต้นที่มีชื่อว่า ขมสามดอย
 อันมีความหมายถึงเดินขาลากไปสามดอยแล้วยังไม่หายขม
หรือทำให้มีกำลังเดินได้ถึงสามดอยก็ได้ เจอต้นขมสามดอยของไทยใหญ่ก็เป็นต้นเดียวกับปลาไหลเผือกที่คุ้นเคยอยู่แล้ว
พ่อหมอยังบอกอีกว่า รากปลาไหลเผือกต้มกินแก้ไข้หนาวสั่น (ซึ่งน่าจะเป็นไข้มาลาเรีย)จะใช้เฉพาะตัวมันตัวเดียวหรือต้มรวมกับงูเห่าเหลือง (เถางูเห่า)ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าใช้รากปลาไหลเผือกต้มกินทำให้หนังเหนียว คงกะพัน บำรุงกำลังอย่างยอด
 ปลาไหลเผือก ยาล้างพิษยาเสพติด
 ปลาไหลเผือกค่อยๆ ถูกลืมไปพร้อมกับการพัฒนาโรงพยาบาลสมัยใหม่แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีวัดวาอารามหลายแห่งประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านในการรักษายาเสพติด โดยนำสมุนไพรแก้พิษของหมอยาโบราณมาใช้ในการดูแลผู้ป่วย
 สมุนไพรที่นำกลับมาใช้ใหม่
 มาในนามของยาสามรากอันประกอบด้วย รากปลาไหลเผือก รากโลดทะนงแดง ต้นฮังฮ้อน โดยโลดทะนงแดง (นางแซง) มีสรรพคุณ ถอนพิษยาเบื่อเมา ทำให้อาเจียน ทำให้ถ่าย ปลาไหลเผือก (พญารากเดียว) มีสรรพคุณ แก้ไข้ ถ่ายพิษ บำรุงกำลัง 
ฮังฮ้อน (พญารากไฟ) แก้เลือดไม่เดิน ทำให้เลือดเดินสะดวก ทั้งสามอย่างนี้ใช้แก้อาการลงแดงจากยาเสพติด
 เอายาสามรากฝนกับน้ำมะนาวกินก่อนอาหาร เช้า-เย็น
หรือต้มน้ำดื่มก็ได้ ปลาไหลเผือกจึงได้รับการพูดถึงอีกครั้งหนึ่งแต่เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวคราวการจดสิทธิบัตรสมุนไพรที่มีอยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ในการเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพของเพศชายในประเทศสหรัฐอเมริกา 
ปลาไหลเผือกปลาไหลเผือก…RETURN!
การศึกษาวิจัยสมัยใหม่
สารสกัดรากปลาไหลเผือกทำให้เกิดการตื่นตัวทางเพศทำให้มีความคงทนในการมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้นจากความเชื่อของคนพื้นเมืองในประเทศที่มีสมุนไพรปลาไหลเผือกอยู่ เชื่อว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณในการเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งมีการศึกษาทั้งในหนูสูงอายุหนูอายุปานกลาง หนูหนุ่มที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดรากปลาไหลเผือกถูกปลุกเร้าทางเพศและมีความคงทนในการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีกว่าหนูกลุ่มควบคุมซึ่งการศึกษาดังกล่าวสนับสนุนการใช้ประโยชน์ของคนพื้นเมืองเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาในคนถึงประสิทธิผลของสมุนไพรชนิดนี้สารที่มีรสขมในรากปลาไหลเผือกคือ Eurycomalactone,Eurycomanolและ Eurycomanoneทั้งสามชนิดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาเลเรียฟาลซิปาลัม (Plasmodium falciparum)ในหลอดทดลองจากการใช้ของหมอยาพื้นบ้านที่ใช้รากปลาไหลเผือกต้มกินแก้มาลาเรีย
 และในการศึกษาทดลองหลายการศึกษาพบว่าสารสกัดจากรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาลาเรียในหลอดทดลองซึ่งสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากปลาไหลเผือกของคนพื้นเมืองซึ่งต้องมีการหาขนาดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่จะใช้ในคนต่อไปสารสกัดรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ต้านเชื้อ HIVในการตรวจสอบเบื้องต้น(Screening Test) สำหรับฤทธิ์การต้านมะเร็งพบว่า
สารสกัดปลาไหลเผือกเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอด (Human lung cancer (A-549) cell lines)เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านม (human breast cancer (MCF-7) cell lines)
นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV อีกด้วย
สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone)
มีการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชายซึ่งนำไปสู่การจดสิทธิบัตรสารเคมีและวิธีการสกัดโดยมีสรรพคุณในการเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของนักกีฬา

สารสกัดสมุนไพรปลาไหลเผือกได้รับการจดสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา

*จดสิทธิบัตรส่วนประกอบของสารสกัดจากพืชในการรักษาอาการหัวล้านในเพศชาย (Male pattern baldness)ในปี ๒๐๐๓ (พ.ศ. ๒๕๔๖)
*จดสิทธิบัตรเป็นยาทาภายนอกในลักษณะ Topical home opathic composition
    ในการเพิ่มระดับของฮอร์โมนเพศชาย Testosterone และฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต   (Growth hormone) ในปี ๒๐๐๓ (พ.ศ. ๒๕๔๖)
*จดสิทธิบัตรสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ในปี ๒๐๐๔ (พ.ศ. ๒๕๔๗)
*จดสิทธิบัตรส่วนประกอบและวิธีการในการเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแรง  เพิ่มสมรรถภาพของนักกีฬา ลดไขมันและนำไปสู่การลดน้ำหนักในปี ๒๐๐๖ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
*จดสิทธิบัตรในการเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในรูปแบบของยาเม็ดและยาแคปซูล
     ในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีส่วนประกอบของสารสกัดปลาไหลเผือกร่วมกับตัวอื่น   ในปี ๒๐๐๖ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
*จดสิทธิบัตรการปรับระดับฮอร์โมนเพศชาย (Systemic androgen)  ด้วยการใช้ปลาไหลเผือก ในปี ๒๐๐๗(พ.ศ. ๒๕๕๐)

***เป็นที่น่าดีใจที่ปลาไหลเผือกที่หมอยาไทยเคยใช้อย่างแพร่หลาย   ได้รับการจดสิทธิบัตรในประเทศสหรัฐอเมริกา
    แต่น่าเสียใจตรงที่ว่าคนที่จดนั้นไม่ใช่คนไทยหรือบริษัทของคนไทย
ขอชื่นชม มาเลเซียที่มีการศึกษาวิจัยจากภูมิปัญญาพื้นบ้านจนนำไปสู่การจดสิทธิบัตรและการพัฒนาผลิตภัณฑ์

Tongkat Ali (eurycoma longifolia) ตงกัทอาลีไม้สมุนไพรเพื่อท่านชาย :
 เสริมสร้างพลังชีวิตท่านชายให้กลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย เทสเทอร์สโตรอนทำให้มีชีวิตชีวา เสริมสร้างและกระตุ้นอารมณ์และสมรรถภาพทางเพศ เพิ่มภูมิต้านทาน และ ลดสภาวะวัยทองส่งเสริมการไหลเวียนเลือดให้ดียิ่งขึ้น ตงกัทอาลี แปลเป็นภาษาไทยว่า ?ไม้เท้าท่านอาลี? หรือ ?ไม้เท้าอาลี?ถือเป็นไม้ประจำชาติที่ทรงคุณค่าของประเทศมาเลเซีย พร้อมทั้งมีประวัติศาสตร์การใช้ประโยชน์เพื่อปรับปรุง สมรรถภาพและเสริมพลังชีวิตของท่านชาย มานานกว่า ๑,๐๐๐ ปีปัจจุบันด้วยการเจริญเติบโตของเทคโนโลยี โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตงกัทอาลี ได้ถูกวิเคราะห์ วิจัย จากทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในและนอกประเทศถึงบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพลังชีวิตท่านชาย เพิ่มฮอร์โมนเพศ และเสริมสร้างและปรับปรุงสมรรถภาพเพิ่มภูมิต้านทาน ลดสภาวะวัยทอง(ใช้ได้ผลทั้งชาย และหญิง) ฯลฯ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นแค่สรรพคุณบางส่วนเท่านั้นถ้าจะกล่าวจริง ๆ ก็คือ ตงกัท อาลี นี้มีประโยชน์ในทุกๆส่วน ทุกอวัยวะของร่างกาย โดยเฉพาะเพศชายเลยที่เดียวตงกัทอาลี ในประเทศไทย ในไทย รู้จักอย่างดีในนาม ?ต้นปลาไหลเผือก?โดยเฉพาะแวดวงหมอสมุนไพร ชื่ออื่นๆ :แฮพันชั้น ตุงสอ หยิกบ่อถอง หยิกไม่ถึง ตรึงบาดาล เพียก (ภาคเหนือ)ปลาไหลเผือก ไหลเผือก ตุงสอ (ภาคกลาง) เอียนดอน (ภาคอีสาน) คะนาง ชะนาง (ตราด)กรุงบาดาล (สุราษฎร์ธานี) ตรึงบาดาล (ปัตตานี) เพียก (ภาคใต้) ตุวุวอมิง ตุวเป๊าะมิง (มาเลย์-นราธิวาส)ใช้ในส่วนของ เปลือกของลำต้น และรากต้ม เพื่อลดไข้ ถอนพิษไข้ แก้อาการเจ็บคอแก้ไข้มาเลเลีย และเสริมสร้างภูมิต้านทาน
บทความจาก หนังสือพิมพ์ ?ไทยรัฐ? ฉบับวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๔ เขียนถึง ต้นปลาไหลเผือก
หรือ ?ไม้เท้าท่านอาลี ? ว่า ต้นปลาไหลเผือกนี้ ถือว่าเป็นยาดี สำหรับบุรุษวิธีรับประทาน คือ นำส่วนที่เป็นรากตัวผู้ แบบสด หรือจะตากแห้ง กะจำนวนพอประมาณ ต้มน้ำดื่ม อย่างน้อย วันละ ๓-๔ แก้วหรือกิน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นิยมใช้มาแต่โบราณ และเรียกไม้ต้นนี้ว่า ?ตูกะอาลี?มีอยู่ทั่วไปตามภูเขาที่เป็นป่าดิบชื้น รวมทั้งในแถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะเรียกว่า?ต้นเจ้าคุณกวนเมีย?

สนใจปลาไหลเผือก   ลองสอบถามปรึกษาที่ 08993716ื91  08 1954 1900   ของเริ่มมีน้อย หายากขึ้น ช่วยหาเมล็ดแก่ช่วงเดือน สิงหาคม มาเพาะกล้าขยายพันธุ์ ก่อนจะสูญพันธุ์ 

  

                     เพียงขอให้ทุกท่านสุขภาพดีขึ้น



ทางร้านสหกรณ์ครูสว่างแดนดิน มีสมุนไพร อื่นๆอีก 
       ที่ต้องการ โทรสอบถาม ปรึกษาได้ ที่ชมรมสมุนไพรโรงเรียนบ้านโคกสะอาดซึ่งได้การรับรองในการผลิต  จาก อย.เลขที่ 47-2-01054-2-001 ไข่เข็มสมุนไพร ต้านภัยไข้หวัด 2009
โทรสอบถาม และปรึกษาที่ 0899371691
           0819541900  

                                         
ความรู้สมุนไพรที่มีคุณค่า ศึกษาไว้ไม่เสียเปล่า แสวงหาไว้อาจช่วยเราได้ สุขภาพแข็งแรง ห่างไกลโรคภัยที่ร้ายแรง




ปลาไหลเผือกใหญ่

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eurycoma longifolia  Jack
วงศ์ :
  Simaroubaceae
ชื่อไทย :  กรุงบาดาล  คะนาง  ชะนาง  ตรึงบาดาล  ตุงสอ  แฮพันชั้น เพียก
หยิกบ่อถองหยิกไม่ถึงเอียนดอน ปลาไหลเผือก ชื่อเวียดนาม:เคบาบินห์หรือสมุนไพรรักษากว่า100 โรค
ชื่อมาเลเซีย : ตองกาท อาลี หรือไม้เท้าของเฒ่าอาลี
ชื่ออินโดนีเซีย : Pasak Bumi
ลักษณะ :  ไม้ยืนค้น สูง4-xml:namespace prefix = st1 />xml:namespace prefix = st1 />xml:namespace prefix = st1 />6 เมตร ลำต้นตรง ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านใบประกอบ แบบขนนก เรียงสลับ ออกเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่แกมวงรี กว้าง 2-3 ซม. ยาว 5-7 ซม. สีเขียวเข้ม ยอดและใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ดอกย่อยขนาดเล็กกลีบดอกสีม่วงแดง ผลเป็นผลสด รูปยาวรี
ปลาไหลเผือก
เป็น สมุนไพรอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีคุณสมบัติทางการแพทย์ไม่แพ้ยาปฏิชีวนะที่ ซึ่งถูกใช้ในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
ปลาไหลเผือกหรือตองกาท อาลี จะไปกระตุ้นกระบวนการชีวภาพสังเคราะห์ให้กับ hormone endrogen ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นกามารมณ์ นอกจากนี้
พืชชนิดนี้ยังมี Flavanoid ซึ่งมีฤทธิ์ เป็นสารต้านปฏิกิริยารวมตัวกับออกซิเจน(antioxidance)
 ล่าสุดนักวิจัยมาเลเซีย ได้มีการวิจัยอย่างถึงแก่นแล้วกลับพบว่า มันมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งและเชื้อเอชไอวี (ativirus) ได้ด้วย


Tongkat ali หรือปลาไหลเผือก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "ยูรีโคมา ลองกิโฟเลีย"
โดย เป็นพืชที่มีชื่อเสียงด้านการช่วยเพิ่มพลังทางเพศในชาย นอกจากนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ของมาเลเซีย ยังนิยมใช้พืชชนิดนี้มาช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดีขึ้น และยังใช้รักษาผิวหนังที่เกิดการติดเชื้อได้อีกด้วยตำรายาไทยใช้รากเป็นยา แก้ไข้ทุกชนิดรวมทั้งไข้จับสั่น พบว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นสารที่มีรสขมได้แก่jeurycomalactoneeurycomanol และeurycomanone
สารทั้งสามมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาเลเรียชนิดฟัลซิพารัมในหลอดทดลองได้
 จัด เป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพ และเห็นควรศึกษาวิจัยต่อไป แต่ในขณะที่มาเลเซียไปไกลกว่าไทยมากกว่า 10 ปี รัฐบาลส่งเสริมอย่างจริงจังทุกๆด้าน ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ เงินทอง บุคลากร
 รวม ทั้งมีการศึกษาและวิจัยจากมหาลัยและสถาบันของรัฐบาลมากกว่า 16 แห่ง มีการจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับสมุนไพรนี้อีกหลายฉบับ มีการต่อยอดจากงานวิจัยผลิตจำหน่ายภายในและต่างประเทศ
เป็นสินค้าในลักษณะที่เป็นยา อาหารเสริม และเครื่องดื่ม โดยใช้ปลาไหลเผือกหรือตองกาทอาลีเป็นส่วนประกอบหลัก มากกว่า 100 ตราสินค้า
โดยทั้งหมดเน้นคุณสมบัติทางด้านการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นไวอาก้าจากธรรมชาติกันเลย
ประโยชน์ทางสมุนไพร : 
ใช้ในการรักษา อาการข้อเสื่อม โดยเข้าไปในกระบวนการเมตาบอลิซึมของคอลลาเจน
 เพื่อมส่อมแซม เอ็นต่างๆ(tendon),ligament,cartilac ที่เสื่อม(เช่นรูมาติก,อาร์ทิสติก),Pariodontal,ghout
 และ อื่นๆ เช่นปวดข้อในหญิงวัยหมดประจำเดือน ใช้บำรุงเซ็กซ์ เสริมสมรรถภาพทางเพศและช่วยเพิ่มจำนวนตัวสเปิร์มในน้ำอสุจิ เพิ่มความแข็งแรงและความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของตัวสเปิร์ม
  นอกจากนี้ ยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ โดยเข้าไปเสริมสารต่างๆที่มีผลต่อโรคนั้นเช่น กระเพาะอาการอักเสบ ลดไข้ หอบหืด ภูมิแพ้ ไมเกรน ขับสารพิษ เป็นหนึ่งในสาม ตัวยาที่รักษาพวกติดยาเสพติด  สะเก็ดเงิน ผมงอกใหม่ ชลอความชรา สร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนเพศหญิง  ต้านเอดส์ ต้านมะเร็ง

รากปลาไหลเผือกใหญ่ สด ฝานตากแห้ง หายาก ราคาแพง โทร 0899371691
หมายเหตุ:
สามารถใช้ได้กับทุกกลุ่มอายุ โดยไม่มีผลข้างเคียง แต่เนื่องจาก เป็นสมุนไพร ที่ร้อนดังนั้นจึง ควรเริ่ม ด้วยขนาดต่ำๆก่อนแล้ว ค่อยเพิ่มปริมาณ ตามพยาธิสภาพ ของโรค และร่างกายของผู้ป่วย
งานวิจัยที่สำคัญขั้นพื้นฐาน
ประกอบด้วย
v  วิจัยเรื่องความร้อนและพลังงาน
v  วิจัยเรื่องการกระตุ้นความปรารถนาทางเพศจากฮอร์โมนเทสทอสเตอร์โรน
v  วิจัยเรื่องการต่อต้านเชื้อมาลาเรีย
v  วิจัยเรื่องการต่อต้านการเกิดมะเร็ง
v  วิจัยเรื่องการป้องกันและรักษาไข้
v  และ วิจัยเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ
ปลาไหลเผือกหรือตองกาทอาลี กับงานวิจัยมะเร็งและเอชไอวี
ได้ศึกษาโดยสำนักเภสัชวิทยา คณะเภสัชและยา มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
 ได้ ค้นพบคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดมะเร็งโดยการแยกหรือสกัดปฏิกิริยาการต่อ ต้านการเกิดเม็ดโลหิตขาวเป็นพิษจากปลาไหลเผือกหรือตองกาทอาลี ก่อนหน้านั้นมีผลการศึกษาจากสถาบันMIT ที่สนับสนุน และควบคุมโดยรัฐบาลมาเลเซีย พบส่วนประกอบของเคมีบางตัวจากรากปลาไหลเผือกที่โชว์คุณสมบัติในการต้านการ เกิดมะเร็งและต้านปฏิกิริยาการเกิดเอชไอวีโดยการรักษาสภาพความสมบูรญ์ของ ฮอร์โมนในร่างกายและส่งเสริมหรือให้พลังงานแก่ร่างกายที่มีสภาพอ่อนล้าจาก เอชไอวี

Tongkat Ali and Androgen Levels
ปลาไหลเผือกหรือตองกาทอาลีกับระดับเอนโดเจน
คนทั่วไปมักจะรู้จักฮอร์โมนเอนโดเจน เช่น ดีเอชอีเอ,เทสทอสเตร์โรน และโปรเจสเตอร์โรน
 ว่า ฮอร์โมนเหล่านี้จะมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับสภาพหรือประสิทธิภาพเรื่องเซ็กซ์ แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ออร์โมนเหล่านี้ยังมีบทบาทที่ขาดไม่ได้ในการควบคุมเรื่องพลังงาน การสร้างกล้ามเนื้อ น้ำหนัก อารมณ์ดี การสร้างไขกระดูก และระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระดับแอนโดเจนจะมีสภาวะที่ลดต่ำลงทั้งในชายและหญิง ระดับเทสทอสเตอโรนเองก็ลดลงตามอายุ จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ หรือแพทย์พบว่า เทสทอสเตอร์โรนจะมีระดับสูงสุดเมื่ออายุราวๆ 20 ปี และในบั้นปลายของชีวิตจะมีระดับเทสทอสเตอร์โรนเพียง 20%-50%เมื่ออายุ 80 ปี โดยเฉลี่ยแล้วจะลดลง 2% ต่อปี ผู้ชายทั่วไประดับเทสทอสเตอร์โรนจะเริ่มลดลงจนถึงระดับ 350 ng/ml
 เป็นระดับที่ประสิทธิภาพทางกายต่ำเมื่อมีอายุช่วง 50-60 ปี โดยปรกติทั่วไปเทสทอสเตอร์โรน
 ควรจะมีอยู่ในเลือดที่ระดับ 500-1,100 ng/ml เพื่อการบำบัดก็ควรจะมีระดับอยู่ราว 1500ng/ml
ส่วนผู้หญิง ภายในรังไข่จะรับผิดชอบในการผลิตเทสทอสเตอร์โรน ประมาณ 40% ของทั้งหมดที่ผลิตได้จากร่างกาย เมื่อระดับเทสทอสเตอร์โรนลดลง จะมีอาการอ่อนล้า น้ำหนักเพิ่ม สมรรถนะทางกาย พลังงาน และอารมณ์ต่ำลง ที่สำคัญจะขาดความต้องการทางเพศ ปลาไหลเผือกจะเป็นตัวช่วย ให้ระบบต่อมไร้ท่อมีความสมบูรณ์ในการผลิตแอนโดเจน
Tongkat Ali Aphrodisiac Properties
ปลาไหลเผือกกับคุณสมบัติการกระตุ้นกามารมณ์
ปลา ไหลเผือกกระตุ้นให้อัณฑะผลิตเทสทอสเตอร์โรนมากขึ้นด้วยตัวเอง โดยการส่งสัญญาณไปที่ระบบประสาทส่วนกลางและต่อมพิททุอิทารี่ ไม่ใช่เป็นการให้ฮอร์โมนสังเคราะห์ ร่างกายเราสามารถรับเอาเทสทอสเตอร์โรนสังเคราะห์ได้ แต่ไอ้เจ้าฮอร์โมนสังเคราะห์จะเป็นตัวค่อยขัดขวางระบบต่างๆทางเพศ
 เป็นเหตุให้เจ้าโลกและอัณฑะของเราเหี่ยวเฉาลง เพราะว่าเมื่เทสทอสเตอร์โรนมีระดับ(เทียม)สูงขึ้น
 ฮอร์โมนเพศ( แอนโดเจน และ เอสโทรเจน) จะส่งสัญญานไปให้ร่างกายสั่งลดระดับหรือหยุดการผลิตเทสทอสเตอร์โรนเอง
ของร่างกายลง เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "negative feedback" หรือ การสนองตอบด้านลบ ปลาไหลเผือกจะขัดขวางปฏิกิริยานี้ไม้ให้ไปยังระบบประสาทส่วนกลางและต่อมพิททุอิทารี่
 รับ รู้เพื่อเหตุผลที่ต้องการให้ร่างกายยังคงผลิตและยกระดับเทสทอสเตอร์โรน ทำให้อัณฑะสามารถผลิตเทสทอสเตอร์โรนได้เต็มหน้าที่และขีดความสามารถ เจ้าโลกและอัณฑะของท่านก็จะมีการเพิ่มขนาดที่ใหญ่โตขึ้น

Tongkat Ali Increase Energy Level
ปลาไหลเผือกกับการเพิ่มพลังงาน
พลังงานในร่างกายเราถูกสะสมอยู่ในรูปของ ATP (adenosine triphosphate)
 ซึ่งเป็นโมเลกุลที่มีพลังงานสูงมาก ถูกใช้โดยร่างกายเพื่อที่จะทำกิจกรรมต่างๆ จากการศึกษาและทดลองกับสัตว์ราก ปลา ไหลเผือกมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงขบวนการผลิตพลังงานท่ามกลางปฏิกิริยา เรืองแสงภายในระบบเซลหรือในไมโตรคอนเดรีย  ด้วยรากปลาไหลเผือกสามารถที่จะนำมาบริโภคเพื่อกระตุ้นหรือยกระดับของพลังงาน ด้วย เหตุนี้เราจึงสามารถเอาชนะความเฉื่อยชา และความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี นอกจากการเพิ่มพลังงาน รากปลาไหลเผือกยังดูเหมือนว่าช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารเพื่อให้เกิด พลังงานอีกด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เรารู้สึกมีอาการร้อนจากตามตัวจากการ บริโภครากปลาไหลเผือก
Tongkat Ali Increase Fertility
รากปลาไหลเผือกกับความสมบูรณ์ของเสปิร์ม
จาก การศึกษาพบว่าตัวเสปิร์ม มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวอสุจิขนาด และความเร็วในการเคลื่อนที่ด้วย จากงานวิจัยการทดสอบกับหนูพบว่ามากเป็นเท่าตัว
Tongkat  Ali  Anti-Oxidant Properties
ปลาไหลเผือกกับปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระ
การศึกษาที่เกี่ยวข้องนักวิจัยชาวมาเลเซีย พบว่ารากปลาไหลเผือกประกอบไปด้วย Superoxide dimutase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระนั้นคือความสามารถในการหยุดยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ที่จะเป็นโทษต่อร่างกายเรา และทำให้ชลอความชราลงได้
"มหัศจรรย์แห่ง  สมุนไพร 
ปลาไหลเผือก  สมุนไพรที่คนไทยลืม"
  


รากปลาไหลเผือก - กวาวแดง บดผง 
อบไมโครเวฟ ไล่ความชื้นตลอด โทร 0899371691








พญารากเดียว ตากแห้งพกติดตัวเวลาเดินป่า แก้ไข้มาลาเลีย ฝน หรือผง ทาแก้พิษสัตว์กัด ต่อย  ทาแผล เปื่อยพุพอง แผลน้ำเหลืองเสียทั้งคน  สัตว์
โทร 08 1954 1900,  08 9937 1691

 สอบถามและปรึกษาได้ที่ ชมรมสมุนไพรโรงเรียนบ้านโคกสะอาด  0899371691,   08 1954 1900
   มีรากปลาไหลเผือกใหญ่  เล็ก  มีกวาวเครือแดง ขาว ดำ  ว่านสบู่เลือด ว่านชักมดลูก มะรุมแยก(ใบ เมล็ด) โด่ไม่รู้ล้ม ขมิ้นชัน กระชายดำ   เมล็ดหมามุ่ย(มีน้อย) มีรากสามสิบ ชนิดบดเป็นผง พลูคาว ลูกใต้ใบ  ดอกคำฝอย เถาวัลย์เปรียง กำลังช้างสาร ม้ากระทืบโรง  อื่นๆ บรรจุแคปซูล    สะอาดไม่มีสิ่งเจอปน คัดเลือกไม่เอาเชื้อรา อบความร้อน ไมโครเวฟ เพื่อให้ความร้อนเป็นประจำทำไว้ใช้ในโรงเรียนและชุมชน  แต่สังคมย่อมมีการแบ่งปัน ถึงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  หาสมุนไพรของไทยที่ยังมีดี ไว้ป้องกันโรคภัย ย่อมเป็นลาภอันประเสริฐ ช่วยกันหาแล้วเผยแพร่  มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านสหกรณ์ครูสว่างแดนดิน
  
มีวัตถุดิบ บางชนิดนำไปปลูกไว้ขยายพันธุ์ใช้เอง  ใกล้ตัว และจะได้ไม่สูญพันธ์ุ





สนใจปลาไหลเผือก   ลองสอบถามปรึกษาที่ 08993716ื91   ของเริ่มมีน้อย หายากขึ้น ช่วยหาเมล็ดแก่ช่วงเดือน สิงหาคม มาเพาะกล้าขยายพันธุ์ ก่อนจะสูญพันธุ์ 
  


                        ความรู้สมุนไพรต้านมะเร็ง
                                  พลูคาว
 ช่วยยืดอายุของผู้ป่วยให้อยู่ สู้โรคได้นานขึ้น
 
พลูคาวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Houttuynia cordata Thunb เป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นที่พบมากในแถบ
ภาคเหนือของไทย และยังพบในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย อินเดีย เรื่อยมาจนถึงจีน เวียดนาม ลาว เกาหลี
และญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นพืชตระกูลเดียวกับพลู ชอบขึ้นในพื้นที่ชื้นแฉะ มีร่มเงาเล็กน้อยและสภาพอากาศเย็น โดย
จะมีลักษณะแตกต่างจากพลู คือ ที่ใต้ใบของพลูคาวจะ มีสีแดงอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้ม ชาวบ้านในเขต ภาคเหนือ
จะเรียกว่า ผักคาวตองเนื่องจากต้นและใบจะมีกลิ่นคาวรุนแรงคล้ายคาวปลา ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำใบมาเป็นผัก
เคียงใช้บริโภคสดกับอาหารประเภทลาบหรือหลู้ ส่วนจีนจะใช้พลูคาวในตำรับยาหลักนับเป็นสมุนไพรชั้นสูง
จากข้อสังเกตว่า จำนวนประชากรในภาคเหนือเป็น โรคมะเร็งค่อนข้างน้อย เนื่องจากบริโภคพลูคาวเป็นประจำ
 และหมอแผนโบราณเคยใช้พลูคาวมารักษาผู้ป่วยริดสีดวงทวาร ทำให้หายเจ็บปวดโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด
ทำให้คณะนักวิจัยซึ่ง ประกอบด้วย รศ.มณเฑียร เปสี, ศ.น.พ.พงษ์ศิริ ปรารถนาดี, รศ.น.พ.สุขชาติ เกิดผล,
 ผศ.ดร.วิจิตร เกิดผล และผศ. ดุษฎี มุสิกโปดก คณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัย
ขอนแก่น สนใจที่จะศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้พลูคาวรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
เบื้องต้นคณะนักวิจัยได้นำพลูคาวจากแปลง เกษตรอินทรีย์ที่สวนดอยหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่
ปลูกพลูคาวตามระบบเกษตรอินทรีย์กว่า 30 ไร่ มาวิจัยและทดลองผลิตเป็นยาน้ำสมุนไพรบำรุงร่างกาย โดย
ผ่านกรรมวิธีการหมักและผสมผสานระหว่างศาสตร์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม กับเทคโน โลยีชีวภาพ
(NanoTechnology) ใช้สมุนไพรพลูคาวเป็นสารตั้งต้น
ขณะเดียวกันคณะนักวิจัยยังได้ทราบข้อเท็จ จริงว่า สีแดงที่อยู่ใต้ใบพลูคาวเป็นตัวชี้วัดว่ามีเภสัชสาร ซึ่งเป็น
สารเฮลตีแบคทีเรีย มีจุลินทรีย์และแลคโตบาซิลลัสสายพันธุ์หนึ่ง ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายของ
มนุษย์ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถไปยับยั้งการเจริญเติบโตและต้านทานเนื้องอก (Anti-tumor) และช่วย
ต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้ค่อนข้างดี
หลังจากที่สกัดเป็นยาน้ำ และผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการจริยธรรมแล้ว ได้นำยามาทดลองในผู้ป่วย
มะเร็ง 5 ชนิด คือ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปากมดลูก เนื้องอกบริเวณสมอง และเนื้องอกของ
 Soft tissue sarcoma โดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่างกาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสี
 ปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการ
รักษาได้มากขึ้นทำให้อาการของผู้ป่วยดี ขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉาย
รังสีเพียงอย่างเดียว ในปี 2548 นี้ ได้ส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปทดลองตลาดในกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียูและ
สิงคโปร์พบ ว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยค่อนข้างมาก มีมูลค่าการส่งออก
รวมกว่าประมาณ 25 ล้านบาท แบ่งเป็น อียู 15 ล้านบาท สิงคโปร์ประมาณ 10 ล้านบาท สำหรับปี 2549 นี้
 ได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าส่งออกไว้ ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ กลุ่มอียู และลูกค้าส่วน
ใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม หากใช้รักษาควบคู่กับการฉายรังสีซึ่งเป็นวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน จะช่วย
เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้มากยิ่งขึ้น
จากประสิทธิภาพของพลูคาวที่ผู้ป่วยทั้งใน และต่างประเทศเริ่มยอมรับ และเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้ขณะนี้มี
คณะแพทย์และเภสัชกรจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เริ่มหันมาสนใจที่จะศึกษาวิจัยสมุนไพรพลูคาวเพิ่มเติม รวมกว่า
 10 โครงการวิจัย เพื่อเป็นความหวังและต่ออายุให้กับผู้ป่วยมะเร็งในอนาคต
หากงานวิจัยประสบผลสำเร็จ พลูคาวจะกลายเป็นพืชสมุนไพรสร้างชาติได้ในพริบตา ซึ่งเป็นพืชที่น่าจับตา
มองอีกพืชหนึ่ง ที่มา: หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
 
พลูคาว หรือที่เรียกกันว่า ผักคาวตอง หรือก้านตอง เป็นไม้เลื้อยล้มลุก เป็นพืชตระกูลเดียวกับพลู แต่อายุอยู่ได้หลายปี ขึ้นอยู่ตามแถวภาคเหนือ ลำต้นจะเลื้อยทอดไปตามพื้นดิน รากแตกออกตามข้อ ทั้งต้นมีกลิ่นคาวอย่างรุนแรง คล้ายปลาช่อน การขยายพันธุ์โดยปักชำ ชอบขึ้นตามริมห้วย หรือที่ชื้นแฉะริมน้ำมีร่มเงาเล็กน้อยในสภาพอากาศที่เย็นใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปทรงคล้ายรูปหัวใจกว้าง โคนใบเว้า ปลายใบแหลม ขอบใบ มีก้านใบยาว ใต้ใบจะมีสีแดงอ่อนถึงสีแดงเข้ม โคนก้านแผ่เป็นกาบหุ้มลำต้น ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกบานมีใบประดับที่โคนดอกสีขาว 4 กลีบ แต่ละช่อมีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก อัดกันแน่นเป็นแท่งทรงกระบอกสีจะออกเหลืองอ่อน ผล เป็นผลแห้งแตกได้
สรรพคุณ

- รักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะเกี่ยวกับมะเร็งปอด มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปากมดลูก
- เนื้องอกในสมอง

- ริดสีดวงทวาร โดยไม่ต้องผ่าตัด

- โรคกามโรค

- โรคผิวหนัง

- ทางเดินปัสสาวะอักเสบ

- เพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว รักษาอาการอักเสบต่าง ๆ เช่น ฝีอักเสบ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ
ตาอักเสบ ตับอักเสบ ไตอักเสบ
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา หูชั้นกลางอักเสบ
พลูคาวจะนำมาต้มโดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่าง กาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสีปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน
การรักษาได้มากขึ้นทำให้อาการของผู้ป่วยดี ขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉายรังสีเพียงอย่างเดียวพลูคาวจึงนับได้ว่าเป็นพืชที่เป็นความหวัง สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งเป็นอย่างมาก และนอกจากโรคมะเร็งแล้วก็สามารถที่ยังรักษาโรคอื่น ๆ ได้อีก
ที่มา: ขจรพรรณ  ชัยเดช Team Content www.thaihealth.or.th
ผักคาวทอง
ชื่ออื่นๆ คาวตอง(ลำปาง,อุดร)คาวทอง(มุกดาหาร,อุตรดิตถ์)ผักก้านตอง(แม่ฮ่องสอน)ผักเข้าตอง,ผักคาวตอง,ผักคาวปลา(ภาคเหนือ)พลูคาว(ภาคกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร Houttuynia cordata Thunb.
วงศ SAURURACEAE
ชื่อสามัญ -
ชื่อพ้อง -
นิเวศวิทยา
ถิ่นกำเนิดอินโดจีน,จีน,ประเทศไทยพบตามที่ชื้นแฉะริมน้ำทางภาคเหนือหรือปลูกไว้เป็นยาหรืออาหาร
ออกดอก ฤดูร้อน
ขยายพันธุ์ เมล็ด ปักชำ
ประโยชน์ ยอด,ใบรับประทานสดกับลาบ,ก้อย,ขนมจีนทั้งต้นรสฉุน,ขับปัสสาวะแก้บวบน้ำฝีบวมอักเสบปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบไอบิดผื่นคันโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและริดสีดวงทวาร

ข้อห้าม ห้ามรับประทานมากเกินไปจะทำให้หายใจสั้นและถี่ อาจเป็นอันตรายได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพืชขนาดเล็กสูง15-50เซนติเมตรลำต้นส่วนที่แตะดินจะมีรากแตกจากข้อใบออกสลับกัน ตัวใบคล้ายรูปหัวใจฐานใบเว้าเข้ายาว3-8เซนติเมตรกว้าง4-6เซนติเมตรขอบใบเรียบปลายใบแหลมมีจุดโปร่งแสงทั่วทั้งตัว ใบและมีขนสั้นๆเล็กน้อยท้องใบมักมีเส้นใบสีม่วงอ่อนก้านใบยาว1-4เซนติเมตรหู ใบเป็นแผ่นยาวบางติดกับก้านใบขอบหูใบมีขนสั้นๆดอกออกเป็นช่อ
ที่ยอดช่อดอกมีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมากติดกันแน่นเป็นแท่งทรงกระบอกสีขาวออกเหลืองยาวประมาณ2เซนติเมตรและมีกลีบรองช่อดอก4กลีบเป็นแผ่นยาวปลายมนสีขาวแต่ละกลีบยาวประมาณ 2เซนติเมตรดอกย่อยมีเกสรตัวผู้3อันมีก้านเกสรตัวเมีย1อันผลกลมรีส่วนบนมีรอยแยก3รอย
ผลอยู่ติดกันแน่นเป็นแท่งทรงกระบอกเมล็ดกลมรี




       
       รากสามสิบ ความสาว สองพันปี
 
ชื่อสมุนไพร
รากสามสิบ
ชื่ออื่นๆ
จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (หนองคาย) ผักหนาม (นครราชสีมา) สามร้อยราก (กาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ชื่อวิทยาศาสตร์
Asparagus racemosus Willd.
ชื่อพ้อง

ชื่อวงศ์
Asparagaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
    
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าและรากใต้ดินออกเป็นกระจุกคล้ายกระสวยออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามาก ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบเดี่ยว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆคล้ายหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกระจุก 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน  ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาว 13-20 ซม. ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 เซนติเมตร ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอม มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอกบางและย่น เกสรเพศผู้ เชื่อมและอยู่ตรงข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมี 2 เมล็ด หรือมากกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ค่อนข้างกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบเป็นมัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เมล็ดสีดำ มี 2-6 เมล็ด ออกดอกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน พบตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
รากสามสิบ หรือ สาวร้อยผัว สมุนไพรบำรุงร่างกาย  สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้  เพราะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพได้มากมาย  มีสรรพคุณในการรักษาและป้องกันโรคของผู้หญิง  อีกทั้งช่วยดูแลในเรื่องของความสวยความงาม  ช่วยให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาวได้อีกครั้ง

"สาวร้อยผัว"  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Racemosus Willd เป็นสมุนไพรที่คนไทยและคนเอเชียใช้กันมาช้านานแล้ว  คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาค  ชื่อในภาคกลางหรือคนทั่วไปเรียกขานว่า  "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก" นั่นเอง
หมอยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี  จึงให้ชื่อว่า "สาวร้อยผัว" ชื่อนี้หมายถึงไม่ว่าสาวใดจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ ความหมายคล้ายๆสาวสองพันปีที่ยังสาว เสมอนั่นเอง 
และเป็นที่น่าแปลกใจว่าในอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี(Shtavari) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราบอกว่าหมายถึงผู้หญิงที่มีร้อยสามี "Satavari" (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ พระเวท  ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำ เป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย (รากสามสิบแช่อิ่ม รากสามสิบเชื่อม)ในตำราอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention)  นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของผู้หญิงเช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก  ตกขาว  ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย  ภาวะหมดปะจำเดือน(menopause)  และใช้บำรุงน้ำนม  บำรุงครรภ์  ป้องกันการแท้ง(habitual abortion)  และอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ของผู้หญิง
แม้สมุนไพรชนิดนี้จะโดดเด่นต่อสตรีเพศแล้ว ในอินเดียยังใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย  ซึ่งก็คงคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า "ม้าสามต๋อน"  เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย  และยังใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมาก เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด  แก้ไข้  แก้อักเสบ  ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง  ในปี ค.ศ. 1992-2000 อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึง 8,460 ตัน เป็นอันดับสองรองจากมะขามป้อมที่ใช้อยู่ที่ 15,147 ตัน ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบจากอินเดียไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
สาวร้อยผัว หรือ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัยกันมากพอสมควร ในด้านการศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งโรคเบาหวาน  กระตุ้นภูมิคุ้มกัน  ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ  ลดระดับไขมันในเลือด  ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด   ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง  ขับน้ำนม  ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งพิษต่อตับ  ในการศึกษาด้านความเป็นพิษในสัตว์ทดลองพบว่า การใช้รากสามสิบในขนาดสูง 2 กรัม ต่อกิโลกรัมด้วยการกินไม่พบพิษ  และการใช้ในระยะยาวด้วยการต้มน้ำ ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แล้วให้กินทั้งเนื้อและน้ำนาน  4-32 สัปดาห์ ไม่พบความผิดปกติ  จะเห็นได้ว่ารากสามสิบนั้น  นับว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก  เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ  ควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
   
       





 











 
เข้าแข่งงานศิลปหัตถกรรม โครงงานอาชีพ กอท.


















       รากปลาไหลเผือกใหญ่ฝานแห้ง



 
สูตรแช่สไปร์ท 




                       











                      ใบมะรุมอบแห้ง


                                            












ปั่นใบมะรุมก่อนเข้าอบ


                           












 ชั่งน้ำหนักก่อนบรรจุถุง รากปลาไหลเผือก





 
     ติดฉลากบรรจุภัณฑ์ บอกวิธีใช้



               












 กวาวเครือดำสรรพคุณแรงกว่า









สนใจปลาไหลเผือก   ลองสอบถามปรึกษาที่ 08993716ื91   ของเริ่มมีน้อย หายากขึ้น ช่วยหาเมล็ดแก่ช่วงเดือน สิงหาคม มาเพาะกล้า 
    
มีวัตถุดิบ กระชายดำ โด่ไม่รู้ล้ม  ขมิ้นชัน   เมล็ดหมามุ่ย  กำลังช้างสาร  ดอกคำฝอย กวาวเครือแดง กวาวเครือดำ  มะรุม   และสมุนไพรอื่นๆ ที่ต้องการ โทรสอบถาม ปรึกษาได้ ที่ชมรมสมุนไพรโรงเรียนบ้านโคกสะอาดซึ่งได้การรับรองในการผลิต   อย.เลขที่ 47-2-01054-2-001 ไข่เข็มสมุนไพร ต้านภัยไข้หวัด 2009 

    โทรสอบถาม  089 937 1691,  08 1954 1900







 สมุนไพร  ว่านชักมดลูก
  จากผลการวิจัยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางยาของว่านชักมดลูกจากสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องพบว่า ใน ว่านชักมดลูกมี สารออกฤทธิ์ที่สามารถลดการอักเสบ ยับยั้งเนื้องอก ยับยั้งการสังเคราะห์กรดไขมันลดปริมาณ ไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอลในเลือดที่มีปริมาณสูง ยับยั้งเบาหวานและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ลดการซึมผ่านของหลอดเลือด แก้ปวด รักษาแผล ปรับ อุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ลดพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ทดลอง เพิ่มฤทธิ์บาร์บิตูเรต ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์เป็นพิษต่อเซลล์ ยับยั้งการเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการผลิต น้ำดี ลดเวลาการหลับของบาร์บิตูเรต ยับยั้งเอนไซม์ GPT, GOT, alkaline phosphatase, adenine nucleotide translocass (HIV) ต้าน เชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านเชื้อรา กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์น้ำเหลือง เพิ่มน้ำหนักมดลูกและปริมาณไกลโคเจน มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนฆ่าแมลง และ ลดการสร้างเม็ดสีผิวได้ ซึ่งสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในทางยาที่มีอยู่ใน ว่านชักมดลูกจริง ๆ แล้วมีมากมายหลายกลุ่มหนึ่งในนั้นก็คือ เคอร์คิวมิน เป็นสารที่สกัดได้จากขมิ้น ซึ่งให้ประโยชน์หลายประการ แต่ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของกระเพาะอาหาร ผลสรุปทางการวิจัย ยังพบอีกว่า ว่านชักมดลูกมี ผลคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนที่มีในเพศหญิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวของว่านชักมดลูกเอง ไม่ใช่ฮอร์โมน แต่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์เพิ่มการขับน้ำดีและสามารถป้องกันมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ สรรพคุณว่านชักมดลูกของไทย ตามบันทึกในตำรับยาแผนโบราณได้กล่าวไว้ว่าว่านชักมดลูกมี คุณประโยชน์และให้ความปลอดภัยในการใช้สำหรับผู้หญิงมาก เพราะว่านชักมดลูกมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ เสริมหน้าอก ทำให้ผิวพรรณขาวนวล ลบรอยเหี่ยวย่นได้ แต่ ว่านชักมดลูกมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า กราวเครือคือ ช่วยรักษามดลูกที่ทรุดตัว หรือเรียกว่ามดลูกต่ำให้เข้าที่ นอกจากนี้ยังช่วยกระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้องที่หย่อนยานอันเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องตึงเรียบเหมือนสาว ๆ และยังช่วยให้ผู้หญิงที่อารมณ์ทางเพศหายไป กลับมามีเหมือนเดิมว่านชักมดลูกยัง ช่วยให้ผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว จิตใจห่อเหี่ยว อ่อนไหวง่าย โกรธง่ายหายไป ทำให้คึกคักเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด หรือภายในมดลูก ช่วยรักษาซีสต์ และเนื้องอกภายในช่องคลอดให้ฝ่อตัว หรือเล็กลงด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนอย่างได้ผลชะงัก เพราะฉะนั้นหากจะเทียบกันแล้ว ว่านชักมดลูกจึง มีประโยชน์เหนือกว่ากราวเครือมาก แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้ว่านชักมดลูกเพียงอย่างเดียวจะให้สรรพคุณได้ไม่มากเท่าที่ควร ตามตำรายาโบราณได้ระบุถึงการนำสมุนไพรมาใช้งานว่า ต้องปรุงขึ้นตามสูตรยานั้น ๆ และจำเป็นต้องอาศัยสมุนไพรอีกหลายชนิดผสมเข้าไป จึงจะช่วยให้ออกฤทธิ์และได้ผลสูงสุด ซึ่งสรรพคุณของว่านชักมดลูกที่มีบันทึกตามตำรับยาแผนโบราณเมื่อหลายร้อยปี ก่อน ได้ระบุถึงผลการนำมาบำบัดอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายไว้ว่า- ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี- ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์- ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอดให้ลดลงหรือหายไป- ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด- ทำให้มดลูกต่ำและ อาการตกขาวดีขึ้น- ช่วยรักษาอาการหน่วงเสียวมดลูก หรือเจ็บท้องน้อยเป็นประจำได้ดี- ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง- มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน ซึ่งเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องหดตัว และเล็กลง- เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน วิธีการใช้ว่านชักมดลูกตาม ตำรายาโบราณ ได้มีบันทึกไว้ตามตำรายาแผนโบราณของไทย ซึ่งเท่าที่ค้นพบจะมีวิธีการใช้ดังนี้- ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่มแก้ปวดมดลูกหรือใช้ปรุงเป็นยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า มดลูกเข้าอู่สำหรับ สตรีที่คลอดบุตรใหม่ ๆ นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้ หรือใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟและเดือยไก่- การใช้ว่านชักมดลูก เพื่อรักษาอาการมดลูกพิการปวดบวมที่บริเวณมดลูก หรือเป็นมุตกิตระดูขาว มีวิธีการใช้ดังนี้ คือ ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง แล้วนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้น ให้สิ้นไป หรือหากแท้งลูกใหม่ ๆ ก็ให้รับประทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้าหรือน้ำปูนใส อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ จะหายไปได้- สำหรับท่านชาย หากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง เบาแดง เบาเหลือง หรือขุ่นข้น เบาหวาน จะแก้ให้หายได้ โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ ก็จะปราศจากอาการ ดังกล่าวได้- หากนำหัวว่านมาโขลกกับเหล้าขาว 40 ดีกรี กรองเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยรักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน กระบังลมเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังใช้หัวว่านสดมารับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ข้อควรระวังคือ ขณะที่รับประทานว่านชักมดลูกนี้ ห้ามรับประทานของคาวจัดหรือมันเลี่ยนจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวยาอ่อนฤทธิ์ลงได้ การใช้ว่านชักมดลูกสำหรับสตรี แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ- ระยะแรก ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มมีประจำเดือน จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตตามลักษณะของผู้หญิงที่ควรจะเป็น เช่น ไม่มีอาการปวดประจำเดือน ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส หน้าอกเต่งตึงตามวัย ช่วยรักษาอาการตกขาวที่ผิดปกติ และทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น- ระยะที่สอง วัยแต่งงานหรือมีบุตรแล้ว จะช่วยทำให้อารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ขึ้น ช่องคลอดกระชับ หน้าอกเต่งตึงอยู่เสมอ หน้าท้องไม่ลายหลังจากการคลอดบุตร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้อารมณ์จิตใจแจ่มใสสดชื่น ช่วยดับกลิ่นไม่พึงปรารถนา และลบรอยเหี่ยวย่นตามร่างกายทั่วไปได้ดี- ระยะที่สาม หรือระยะเริ่มเข้าสู่วัยทอง คือหลังจากอายุ 45 ปี ขึ้นไป ว่านชักมดลูกจะช่วยไม่ให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด มึนหัว หน้ามืด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาการร้อนวูบวาบ ปวดเนื้อ ปวดหัว อารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย จิตใจห่อเหี่ยวซึมเศร้า ท้อแท้ ความจำเสื่อม นอนหลับยาก เวลาร่วมเพศไม่มีอารมณ์ น้ำหล่อลื่นไม่มี อาการเหล่านี้ตามตำรายาโบราณได้มีบันทึกไว้ว่าว่านชักมดลูกสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ นี้ได้ ว่านชักมดลูกสำหรับสาวประเภทสอง จากบันทึกตามตำรายาแผนโบราณกล่าวไว้ว่าสมุนไพรว่านชักมดลูกสามารถ ใช้ได้กับคนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหรือแม้แต่คนที่มีความผิดปกติทางเพศ เช่น กลุ่มคนที่เรียกว่า ทอม หรือ กระเทย ก็สามารถใช้ว่านชักมดลูกมาเสริมสร้างร่างกายให้สดใสแข็งแรงได้เช่นกัน โดยคุณประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ- ทำให้ร่างกายแข็งแรง นวล สดใส เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล- กลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นอับในที่ต่าง ๆ จะหายไปโดยไม่ต้องใช้น้ำหอมต่าง ๆ มาช่วย- อารมณ์ทางเพศที่ไม่สมบูรณ์ จะกลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม- อารมณ์ฉุนเฉียว หรืออ่อนไหวง่าย จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี เข้มแข็งขึ้น- สิว ฝ้า บนใบหน้าหรือร่างกาย จะจางลงและค่อย หมดไป 

สมุนไพรกวาวเครือ แดง กวาวเครือขาว เครือดำ

บทความ
  
กวาวเครือ ยอดสมุนไพรไทย



กวาวเครือขาว [Puraria mirifica Airy Shaw Suvatabandhu

เป็น ไม้เถาตระกูลถั่ว มีลักษณะเถาและใบคล้ายถั่วแปบและถั่วพลู ออกดอกเป็นช่อฉัตรสีม่วงสวยงาม ทิ้งใบออกดอกราวเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ จากนั้นจะให้ฝักเล็กแข็ง มีขนแข็ง คล้ายฝักถั่วแระ แต่เล็กกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อฝักแก่และแห้งก็จะแตกกระจายเมล็ดลงสู่พื้น เพื่อแพร่พันธุ์ต่อไป

เมื่อขุดที่โคนต้น จะพบรากซอนไซไปทั่วทิศทาง แต่ละต้นมีรากมากบ้าง น้อยบ้าง  เมื่อ ขุดตามรากก็จะพบหัวอยู่ปลายราก หัวกลมบ้างยาวรีบ้าง แล้วแต่พันธุ์ ขนาดเล็กใหญ่ขึ้นอยู่กับอายุและดินที่ขึ้น อายุยิ่งมาก หัวก็ยิ่งโตและมีโอสถสารมาก

กวาว เครือแต่ละพื้นที่ให้โอสถสารที่แตก ต่างกัน และความที่มีหลากหลายพันธุ์ บางพันธุ์ก็เป็นพิษ ทำให้ผู้บริโภคคลื่นเหียรอาเจียน ลำไส้บวม และถึงแก่ชีวิตได้ การแสวงหากวาวเครือจึงต้องอาศัยความชำนาญในการดูเถาและใบ เมื่อชำนาญแล้ว ถึงแม้พบแต่โคนต้นก็แยกแยะออกว่าเป็นกวาวเครือชนิดใด

เมื่อขุดได้หัวกวาวเครือขึ้นมาแล้ว ให้ล้างเอาดินออก แล้วปอกเอาเปลือกออกก่อน จากนั้นฝานให้บาง ตากแดดไว้ 3-4 วันก็แห้งกรอบ นำมาตำหรือบดให้เป็นผงละเอียด กรองด้วยตะแกรงเบอร์ 10 จะ ได้ผงกวาวเครือละเอียดอ่อนสามารถนำไปผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดลูกมะแว้ง หรือจะผสมกับกระสายยาชนิดอื่น ๆ ที่บ่งไว้ในตำราโบราณก็ได้ การผสมกับกระสายแต่ละชนิดก็ให้ผลที่แตกต่างกันบ้าง

สรรพคุณ โดยรวมแล้ว ทำให้กินได้ นอนหลับ ขับถ่ายสะดวก หายจากอาการปวดเมื่อยอ่อนเพลีย บำรุงผิวพรรณบำรุงกระดูกบำรุงเลือดบำรุงประสาท บำรุงสมอง บำรุงทรวงอกให้โตและเต่งตึง สะโพกขยาย เป็นยาอายุวัฒนะ หากรับประทานประจำจะทำให้รูปร่างอ่อนกว่าวัยจริง อายุยั่งยืน ปราศจากโรคทั้งปวง ทำให้สายตาสว่าง อาจรักษาอาการตาบอดบางประเภทได้ ซึ่งมีผู้รับประทานได้ผล และรายงานให้ทราบมาแล้ว สตรีที่มีบุตรยากบางท่านกินแล้วกลับมีบุตรง่ายขึ้น

ผล ข้างเคียง เมื่อรับประทานได้ไม่กี่วันจะรู้สึกเหมือนเป็นไข้หวัด ให้อาบน้ำ หรือกินยาฟ้าทะลายโจรก็หาย ไม่ต้องหยุดยา คนที่เป็นโรคชนิดใด โรคชนิดนั้นก็กำเริบขึ้นก่อน เรียกว่าอาการขับโรค เพียง 2-3 วัน อาการที่เป็นก็หายไปพร้อมกับโรคที่เคยเป็น ในสตรีจะรู้สึกปวดถ่วงที่ท้องน้อยเนื่องเพราะมดลูกขยายตัว จะมีอาการคัดที่หน้าอกเหมือนสาวรุ่นแตกพาน หัวนมจะดำคล้ำคล้ายสตรีมีครรภ์ เป็นอยู่ครึ่งปี ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อนไปมา คนที่มาไม่ปกติก็อาจมีประจำเดือนมาอย่างสม่ำ

เสมอ แตกต่างกันไปแต่ละคน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางร่างกายของแต่ละคน แต่คนสูงอายุที่ประจำเดือนหมดไปนานแล้ว เมื่อรับประทานยานี้จะกลับมีประจำเดือนเหมือนหญิงสาว แต่มาเพียง 2-3 ครั้ง เท่านั้น อย่าได้ตื่นตกใจจนวิ่งไปหาสูติแพทย์เพื่อตรวจภายใน ในบุรุษจะทำให้อกโตเหมือนหญิงสาว ความรู้สึกทางเพศจะลดลง แต่ไม่ได้หายไป และไม่ได้ทำให้อวัยวะเพศหดหายดุจที่ร่ำลือกัน

ใครควรกินกวาวเครือขาว สตรีอกเล็ก กะเทย สตรีที่ขาดฮอร์โมน สตรีที่

หมดประจำเดือน สตรีผิวพรรณเศร้าหมอง คนผอมอยากอ้วนท้วนสมบูรณ์

ใครไม่ควรกินกวาวเครือขาว สตรีมีครรภ์ คนป่วยมะเร็ง ต่อมไทรอยด์โต

เนื้องอก เด็กหนุ่มสาวที่สมบูรณ์อยู่แล้ว 


วิธีใช้ ในสตรีให้รับประทานหลังประจำเดือนหยุดแล้ว ครั้งละ 2 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น เมื่อประจำเดือนมาควรหยุดยา ถ้าต้องการให้อกโตควรเพิ่มยาขึ้นมื้อละ 1 เม็ด ในแต่ละเดือน แต่ไม่ควรเกินมื้อละ 5 เม็ด (วันละ 10 เม็ด)

ในสตรีวัยทองขึ้นไปควรทานครั้งละ 2 เม็ดเท่านั้นพอ ถ้ากลัวมีประจำเดือนควรทานสลับกับกวาวเครือแดงเช่น ทานชนิดขาว 2 อาทิตย์ ชนิดแดง 2 อาทิตย์ สำหรับกะเทยรับประทานได้มากตามต้องการ



กวาวเครือแดง

กวาวเครือแดง [Butea superba Roxb’]

เป็น ไม้เถายืนต้นขนาดใหญ่ อายุยิ่งมากเถาจะใหญ่จนกลายเป็นต้น แต่ยังส่งเถาเลื้อยพาดพันไปตามต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ มีลักษณะใบคล้ายใบต้นทองกวาว แต่ใบใหญ่กว่ามาก ถ้าใบอ่อนจะใหญ่ขนาดใบพลวงหรือใบต้นสัก สามารถใช้เป็นใบตองห่อข้าวได้ ถ้าใช้มีดฟันที่เปลือกต้นหรือเปลือกราก จะมียางสีแดงสดดุจเลือดไหลออกมา

ถ้าขุดที่โคนต้น จะพบรากใหญ่ขนาดลำน่องลำขา เลื้อยออกจากต้นโดยรอบ ยาวขนาดวา- 2 วา ขึ้นอยู่กับอายุของต้น ใช้รากทำยา

กวาว เครือแดงมีมากทางภาคเหนือ และภาคตะวันตกของไทย ตั้งแต่ชายแดนไทย-พม่า ติดต่อกันจนถึงภาคเหนือของไทย ส่วนมากชอบขึ้นบนภูเขาสูง จะสังเกตได้ง่ายช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ กวาวเครือแดงจะออกดอกสีส้มเหมือนดอกทองกวาวทุกประการ บานสะพรั่งบนยอดดอยทางภาคเหนือ แต่ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายนัก คือมองหาได้ง่าย แต่มีไม่มากดุจชนิดขาว ส่วนชนิดขาวมีมาก แต่ถ้าไม่เก่งจริงก็หาของจริงได้ยาก

เพราะมีพันธุ์ไม้ที่เหมือนกันหลายชนิด อาจนึกว่าเป็นกวาวเครือขาวก็ได้

กวาว เครือแดง มีสรรพคุณไปทางบำรุงกำลังแบบโสมแต่เหนือกว่าโสมอยู่มาก คาดว่ามีฮอร์โมนเพศชายอยู่มาก จึงเป็นกวาวเครือตัวผู้ เก่งทางบำรุงสมรรถภาพทางเพศ และสามารถรักษาโรคเส้นเลือดตีบตันได้ดี จึงรักษาโรคหัวใจบางชนิดได้ เพราะสามารถทำลายไขมันในเลือดได้ แต่ความที่กระตุ้นให้หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น การสูบฉีดโลหิตจึงแรง ส่งผลให้เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยความดันสูง

มี รายงานจากผู้รับประทานประจำว่า ทำให้น้ำหนักลดลง พุงลดลง กำลังแข็งแรง ทำงานหนักได้โดยไม่รู้เหนื่อย บำรุงประสาท บำรุงสมอง ยับยั้งอาการผมร่วงได้ดี บางท่านรายงานว่ามีผมงอกเพิ่มมากขึ้น ดีกับผู้ป่วยโรคเก๋าต์ กวาวเครือแดงนี้ยังไม่ได้รับการวิจัยจากวง การแพทย์อย่างจริงจัง แต่ผลจากการใช้ของหมอพื้นบ้านมาแต่โบราณนับว่าได้ผลดียิ่ง ถ้าได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐให้ดีรับรองว่าสามารถเป็นสินค้าส่งออกขึ้น ชื่อของไทย สามารถต่อกรกับโสมเกาหลีได้อย่างสบาย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ถูกสื่อต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำลายชื่อเสียงเสียจนไม่มีชิ้นดี โอกาสที่สมุนไพรตัวนี้จะสร้างรายได้ให้กับประเทศจึงเป็นไปได้ยาก คนไทยเราที่ตื่นข่าวก็คงต้องวิ่งเข้าหาโสมซึ่งมีราคาแพงลิบลิ่วเหมือนเดิม

วิธีใช้ ใช้หัวใต้ดิน นำมาปอกเปลือก แล้วฝานตากแห้ง นำมาบดผงเช่นเดียวกับกวาวเครือขาว เวลาปรุงและรับประทานก็เช่นเดียวกับกวาวเครือขาว เพียงแต่ใช้ในบุรุษเพศ หรือสตรีเพศที่กลัวจะมีประจำเดือน หรือผู้มีความรู้สึกทางเพศเสื่อมถอยทั้งบุรุษและสตรี ในตำราโบราณให้รับประทานขนาดเม็ดพริกไทย แต่จากประสบการณ์แล้วไม่ได้ผล ต้องทานวันละ 2 เม็ด (1000 มก.)ขึ้นไป ผู้เขียนทานวันละไม่ต่ำกว่า 10 เม็ด ไม่เห็นก่อทุกข์โทษอะไร นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงดี ภูมิต้านทานสูง ใครจะเจ็บจะป่วยก็ป่วยไปก่อน หมอเมืองเป็นทีหลังและหายก่อนทุกที 
กวาวเครือดำ

กวาว เครือชนิดนี้หาได้ยากในเมืองไทย หมอเมืองต้องสั่งจากพม่า โดยคนไทยที่อยู่ชายแดนนำมาให้ สนนราคาก็สูงพอสมควรทีเดียว แต่เมื่อทดลองใช้ดูแล้วนับว่าสรรพคุณสูงตามตำราว่าจริง ตำรา โบราณกล่าวว่า กวาวเครือดำมีลำต้นและเถาคล้ายแดง แต่ใบเล็กกว่า เถาอ่อนนุ่ม มีหัวไม่มากนัก หัวเล็กขนาดมันสำปะหลัง แต่นิยมใช้เถาเพราะหาง่ายกว่า แต่สรรพคุณก็ดีเหมือนใช้หัว สมัยก่อนชาวเขาบนดอยตุง เมื่อผู้หญิงคลอดบุตรแล้วก็ไปตัดเอาเถากวาวเครือดำมาต้มให้กิน ผ่านไปเพียง 2-3 วันก็สามารถไปทำงานได้ตามปกติ ไม่มีการอยู่เรือนไฟเหมือนคนไทย คุณลุงที่หากวาวเครือดำให้หมอเมืองเล่าให้ฟังเช่นนี้ ท่านรับประทานมา 20 กว่าปีแล้ว ยังแข็งแรงเช่นคนหนุ่ม ความรู้สึกทางเพศเหมือนคนหนุ่ม และท่านว่ามันทำให้อวัยวะเพศขยายตัวขึ้นราว 1-2 กระเบียด หมอเมืองก็ไม่รู้ว่ามันขนาดไหน วิธีใช้ รับประทานก่อนอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ 2 เม็ด คนหนุ่มที่กำลังแข็งแรงไม่ควรใช้



ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
งานวิจัยเกี่ยวกับกวาวเครือส่วนใหญ่เน้นไปที่การศึกษาผลคล้ายฮอร์โมน estrogen ของสมุนไพรหรือสิ่งสกัดจากสมุนไพรชนิดนี้ ซึ่งผลการทดลองเกือบทั้งหมดเป็นการศึกษาในสัตว์ทดลอง ยังมีการศึกษาในมนุษย์น้อยมาก งานวิจัยในช่วงแรกๆมุ่งไปที่การศึกษาฤทธิ์ของสาร miroestrol ซึ่งพบว่าในสัตว์ทดลอง สารนี้มีฤทธิ์ประมาณ 2 ใน 3 ของ stilbestrolเมื่อทดลองให้หนูถีบจักรที่ยังไม่โตเต็มที่กินสารนี้เข้าไป และมีฤทธิ์ราว 70% ของสาร 17b-estradiol เมื่อให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนูขาว แต่เมื่อให้โดยวิธีเดียวกันนี้กับหนูถีบจักร พบว่ามีฤทธิ์เป็น 2.2 เท่าของสาร estrone ผลการทดลองในสตรีที่ประจำเดือนไม่มาตามปกติ 10 คน โดยให้สารนี้ในขนาด 1 และ 5 มก. วันละ 6 ครั้ง พบว่าสารนี้แสดงฤทธิ์เป็น estrogen อย่างรุนแรง โดยแสดงผล 2-3 สัปดาห์หลังจากเริ่มให้สารนี้ และในบางกรณีสามารถทำให้ประจำเดือนมาหลังจากหยุดให้สาร 7-18 วัน อาการข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน บางรายมีอาการทรวงอกขยายใหญ่ขึ้น และอาการจะเห็นได้ชัดเมื่อใช้ขนาดที่สูงภายหลังมีการพบสารกลุ่ม isoflavones หลายตัวได้แก่ genistein, daidzein รวมทั้งglycosides ของสารนี้ในหัวกวาวเครือขาว ซึ่งสารเหล่านี้จัดได้ว่าเป็น phytoestrogens ซึ่งแสดงฤทธิ์ในลักษณะของฮอร์โมนเพศหญิงได้เช่นกัน